ประวัติตำบลโพนค้อ
ตำบลโพนค้อ ชนพื้นบ้านเป็นคนเผ่าเยอ ตั้งเป็นกลุ่มมาเมื่อใดไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่มีเอกสารพอที่จะอ้างอิงได้คือ เอกสารการจัดตั้งวัด (ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติวัดบ้านโพนค้อ) ว่าวัดบ้านโพนค้อ ตั้งมาเป็นเวลานานเป็นวัดเก่าแก่โบราณ ตามหลักฐานเอกสารเลขทะเบียนที่ว่า วัดบ้านโพนค้อเริ่มสร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2266 และได้รับพระราชทาน “สุรคามสีมา” ลงวันที่ 7 เมษายน 2474 สันนิษฐานว่าหมู่บ้านนี้ตั้งมาก่อน พ.ศ. 2266 คนเผ่าเยอเข้ามายังประเทศไทย มี 2 นัยยะ คือ จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์อาณาจักรลาว มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครเวียงจันทน์ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2256 ราชสำนักนครเวียงจันทน์ เกิดการแย่งชิงอำนาจปกครองกัน ชาวเยอกลุ่มหนึ่งคือชนพื้นเมืองอัตปือ เมืองแสนแปหรือแสนปาง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย เยอกลุ่มนี้อพยพปะปนเข้ามากับชาวส่วย เมื่อประมาณ พ.ศ. 2260 ในสมัยเดียวกันกับการอพยพของชาวส่วย ตากะจะ – เชียงขัน เชียงปุ่น เชียงสี เชียงสง เชียงมะ และเชียงชัย ตากะจะและเชียงขัน เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่บ้านประสาทสี่เหลี่ยม (บ้านดวนใหญ่) ประมาณ พ.ศ. 2260 ปัจจุบันเป็นอำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ และเยอกลุ่มนี้มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่บ้านโพนค้อ
อีกนัยหนึ่ง ซึ่งเล่าต่อ ๆ กันมา (โดยอาจารย์วัฒนะ นาวี) ว่าประเทศลาวเกิดทุพภิกขภัย มีความเป็นอยู่แร้นแค้น ทั้งเป็นชนกลุ่มน้อย รัฐละเลยไม่เคยช่วยเหลือ และไม่เคยส่งส่วยประจำปี กลัวจะมีโทษทัณฑ์ จึงชวนกันมาเดินทางเข้ามาพึ่งชาวไทย โดยล่องเรือมาตามลำแม่น้ำโขง มีท้าวกะตะศิลา เป็นหัวหน้า ล่องเรือมาถึงปากแม่น้ำมูลแล้วล่องเรือตามลำแม่น้ำมูลถึงบึงคงโคก (โคก หมายถึง พื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง) จึงตั้งชื่อบ้านนี้ว่า บ้างคงโคก หรือบ้านคง คืออำเภอราษีไศลในปัจจุบัน
และมีชาวเยอกลุ่มหนึ่ง แยกออกจากบ้านคงโคก อพยพมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของราษีไศล ผ่านมาทางบ้านเก่า (พันทา-เจียงอี) เลยมาถึงที่ดอนหรือที่โนนแห่งหนึ่ง ซึ่งโนนหรือโพน หมายถึงพื้นที่สูงกว่าระดับพื้นดินธรรมดา และ ณ ที่โนนแห่งนี้ มีต้นไม้ที่หมู่คนเรียกว่า “ต้นค้อ” เป็นไม้ยืนต้น ผลมีรสเปรี้ยว ชาวเยอเรียกว่า “ขัยกะโผ” ขึ้นอยู่มากมาย จึงตั้งชื่อบ้านนี้ว่า บ้านโนนค้อ หรือบ้านโพนค้อ จวบจนทุกวันนี้
วัฒนธรรมของชนคนเผ่าเยอ
เยอมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง เช่น วัฒนธรรมทางภาษา เยอมีแต่ภาษาพูด ไม่มีภาษาเขียน เคยคิดประดิษฐ์อักษรพร้อม ๆ กับชนชาติเขมร (ขอม) แต่เพราะกลุ่มชนคนเผ่าเยอเป็นชนกลุ่มน้อย อาณาจักรของชนเผ่าเยอล่มสลาย ไม่มีประเทศเป็นของตนเอง อักษรตัวหนังสือและการเขียนระบบการจัดเก็บและการถ่ายทอดที่ดี จึงไม่มีตัวหนังสือเขียน ปัจจุบันเหลือแต่ภาษาพูด เช่น “กวยขูนะเกิดแซมซายกะเฎือ” (คนทุกคนเป็นพี่น้องกัน)
ตำบลโพนค้อ เป็นตำบลขนาดเล็ก ห่างจากตัวจังหวัด 10 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 14,033 ตารางกิโลเมตร หรือ 7,643 ไร่ 3 งาน มีอาณาเขตติดต่อกับตำบลใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือ จรด ตำบลโพนข่า
ทิศใต้ จรด ตำบลจาน - ทุ่ม
ทิศตะวันออก จรด ตำบลจาน
ทิศตะวันตก จรด ตำบลซำ
ประชากร มีฐานะค่อนข้างพอมีพอกิน ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ นอกนั้นประกอบอาชีพรับราชการ ค้าขาย และรับจ้าง
การปกครอง
จากคำบอกเล่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2420 “ตาแสงลา” เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ทำหน้าที่ปกครองหมู่บ้าน กำหนดยศเทียบเท่ากับ “นายตำบล” ปกครองหมู่บ้านนี้มาหลายสิบปี เมื่อตาแสงลาถึงแก่กรรม มีผู้ทำหน้าที่ปกครองต่อมาดังนี้
1. นายตัน สีเหลือง ได้รับเลือกเป็นกำนันตามกฎหมายว่าด้วยการปกครองมณฑล (ส่วนท้องถิ่น) เป็นกำนันคนแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ได้ทรงตรากฎหมายให้มีการเลือกตั้งกำนันปกครองตำบลเป็นครั้งแรก
2. นายบุญมา บุญนำ ได้รับเลือกเป็นกำนันเมื่อปี พ.ศ.2470 และเมื่อ พ.ศ. 2484 ตำบลโพนค้อ แบ่งการปกครองออกเป็น 8 หมู่บ้าน ดังนี้
ตำบลโพนค้อ แบ่งการปกครองออกเป็น 8 หมู่บ้าน คือ
หมู่ที่ 1 บ้านโพนค้อ ปกครองโดย นายบุญมา บุญนำ กำนันตำบลโพนค้อ
หมู่ที่ 2 คุ้มมะเกลือ ปกครองโดย นายบาง เขตตะ
หมู่ที่ 3 คุ้มเมือง ปกครองโดย นายพุฒ เทศะบำรุง
หมู่ที่ 4 บ้านสามเมีย ปกครองโดย นายผิว โอชา
หมู่ที่ 5 คุ้มตะวันออก ปกครองโดย นายอ้วน รัศมี
หมู่ที่ 6 บ้านหนอง ปกครองโดย นายสิงห์ โสมา
หมู่ที่ 7 บ้านกลาง ปกครองโดย นายบุญมา สระ
หมู่ที่ 8 บ้านยานาง ปกครองโดย นายศิลา สุขศรี
และในช่วงนี้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงอยู่ระหว่างสงครามอินโดจีน พ.ศ. 2482 - 2484 หมู่บ้านโพนค้อไปรวมเข้ากับตำบลโพนข่า คือ กำนันอยู่บ้านโพนค้อ แต่ตำบลเป็นตำบลโพนข่า แต่เกิดปัญหา เนื่องจากหมู่ที่ 4 บ้านสามเมียไม่ไปเข้าร่วมด้วย เพราะเห็นว่าอยู่ห่างไกล และอยู่ใกล้ชิดติดกับบ้านจาน ตำบลจาน บ้านสามเมียจึงไปขึ้นต่อตำบลจานตั้งแต่นั้นมา และเวลาต่อมาเห็นว่ายากต่อการปกครอง จึงยุบหมู่บ้านเหลือเพียง 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 บ้านโพนค้อ มีนายบุญมา บุญนำ เป็นกำนันปกครอง , หมู่ที่ 2 บ้านหนอง มีนายเที่ยง สุวรรณเสาร์ เป็นผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อสงครามสงบลง ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2491 ได้จัดตั้งหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอีก คือ
หมู่ที่ 3 บ้านยานาง นายทองสูรย์ กันหะบุตร ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ที่ 4 บ้านกลาง นายสูรย์ทอง คำหล้า ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ที่ 5 บ้านโนน นายบุญมา จำนันท์ ผู้ใหญ่บ้าน
ในเวลาต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2518 นายบุญมา บุญนำ ลาออกจากกำนันเพราะอายุมาก นายประสิทธิ์ คำหล้า จึงเป็นกำนันตำบลโพนค้อคนต่อมา ปัจจุบันการปกครองเปลี่ยนไป และจะนำมาเสนอในบทความต่อไป
ตำบลโพนค้อ ชนพื้นบ้านเป็นคนเผ่าเยอ ตั้งเป็นกลุ่มมาเมื่อใดไม่มีหลักฐานยืนยัน แต่มีเอกสารพอที่จะอ้างอิงได้คือ เอกสารการจัดตั้งวัด (ข้อมูลเกี่ยวกับประวัติวัดบ้านโพนค้อ) ว่าวัดบ้านโพนค้อ ตั้งมาเป็นเวลานานเป็นวัดเก่าแก่โบราณ ตามหลักฐานเอกสารเลขทะเบียนที่ว่า วัดบ้านโพนค้อเริ่มสร้างเมื่อ ปี พ.ศ. 2266 และได้รับพระราชทาน “สุรคามสีมา” ลงวันที่ 7 เมษายน 2474 สันนิษฐานว่าหมู่บ้านนี้ตั้งมาก่อน พ.ศ. 2266 คนเผ่าเยอเข้ามายังประเทศไทย มี 2 นัยยะ คือ จากข้อมูลทางประวัติศาสตร์อาณาจักรลาว มีศูนย์กลางการปกครองอยู่ที่นครเวียงจันทน์ เมื่อประมาณ พ.ศ. 2256 ราชสำนักนครเวียงจันทน์ เกิดการแย่งชิงอำนาจปกครองกัน ชาวเยอกลุ่มหนึ่งคือชนพื้นเมืองอัตปือ เมืองแสนแปหรือแสนปาง ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อย เยอกลุ่มนี้อพยพปะปนเข้ามากับชาวส่วย เมื่อประมาณ พ.ศ. 2260 ในสมัยเดียวกันกับการอพยพของชาวส่วย ตากะจะ – เชียงขัน เชียงปุ่น เชียงสี เชียงสง เชียงมะ และเชียงชัย ตากะจะและเชียงขัน เข้ามาตั้งหลักแหล่งอยู่บ้านประสาทสี่เหลี่ยม (บ้านดวนใหญ่) ประมาณ พ.ศ. 2260 ปัจจุบันเป็นอำเภอวังหิน จังหวัดศรีสะเกษ และเยอกลุ่มนี้มาตั้งหลักแหล่งอยู่ที่บ้านโพนค้อ
อีกนัยหนึ่ง ซึ่งเล่าต่อ ๆ กันมา (โดยอาจารย์วัฒนะ นาวี) ว่าประเทศลาวเกิดทุพภิกขภัย มีความเป็นอยู่แร้นแค้น ทั้งเป็นชนกลุ่มน้อย รัฐละเลยไม่เคยช่วยเหลือ และไม่เคยส่งส่วยประจำปี กลัวจะมีโทษทัณฑ์ จึงชวนกันมาเดินทางเข้ามาพึ่งชาวไทย โดยล่องเรือมาตามลำแม่น้ำโขง มีท้าวกะตะศิลา เป็นหัวหน้า ล่องเรือมาถึงปากแม่น้ำมูลแล้วล่องเรือตามลำแม่น้ำมูลถึงบึงคงโคก (โคก หมายถึง พื้นที่ที่น้ำท่วมไม่ถึง) จึงตั้งชื่อบ้านนี้ว่า บ้างคงโคก หรือบ้านคง คืออำเภอราษีไศลในปัจจุบัน
และมีชาวเยอกลุ่มหนึ่ง แยกออกจากบ้านคงโคก อพยพมาทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของราษีไศล ผ่านมาทางบ้านเก่า (พันทา-เจียงอี) เลยมาถึงที่ดอนหรือที่โนนแห่งหนึ่ง ซึ่งโนนหรือโพน หมายถึงพื้นที่สูงกว่าระดับพื้นดินธรรมดา และ ณ ที่โนนแห่งนี้ มีต้นไม้ที่หมู่คนเรียกว่า “ต้นค้อ” เป็นไม้ยืนต้น ผลมีรสเปรี้ยว ชาวเยอเรียกว่า “ขัยกะโผ” ขึ้นอยู่มากมาย จึงตั้งชื่อบ้านนี้ว่า บ้านโนนค้อ หรือบ้านโพนค้อ จวบจนทุกวันนี้
วัฒนธรรมของชนคนเผ่าเยอ
เยอมีวัฒนธรรมเป็นของตนเอง เช่น วัฒนธรรมทางภาษา เยอมีแต่ภาษาพูด ไม่มีภาษาเขียน เคยคิดประดิษฐ์อักษรพร้อม ๆ กับชนชาติเขมร (ขอม) แต่เพราะกลุ่มชนคนเผ่าเยอเป็นชนกลุ่มน้อย อาณาจักรของชนเผ่าเยอล่มสลาย ไม่มีประเทศเป็นของตนเอง อักษรตัวหนังสือและการเขียนระบบการจัดเก็บและการถ่ายทอดที่ดี จึงไม่มีตัวหนังสือเขียน ปัจจุบันเหลือแต่ภาษาพูด เช่น “กวยขูนะเกิดแซมซายกะเฎือ” (คนทุกคนเป็นพี่น้องกัน)
ตำบลโพนค้อ เป็นตำบลขนาดเล็ก ห่างจากตัวจังหวัด 10 กิโลเมตร มีพื้นที่ประมาณ 14,033 ตารางกิโลเมตร หรือ 7,643 ไร่ 3 งาน มีอาณาเขตติดต่อกับตำบลใกล้เคียงดังนี้
ทิศเหนือ จรด ตำบลโพนข่า
ทิศใต้ จรด ตำบลจาน - ทุ่ม
ทิศตะวันออก จรด ตำบลจาน
ทิศตะวันตก จรด ตำบลซำ
ประชากร มีฐานะค่อนข้างพอมีพอกิน ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกพืชและเลี้ยงสัตว์ นอกนั้นประกอบอาชีพรับราชการ ค้าขาย และรับจ้าง
การปกครอง
จากคำบอกเล่า เมื่อประมาณปี พ.ศ. 2420 “ตาแสงลา” เป็นหัวหน้าหมู่บ้าน ทำหน้าที่ปกครองหมู่บ้าน กำหนดยศเทียบเท่ากับ “นายตำบล” ปกครองหมู่บ้านนี้มาหลายสิบปี เมื่อตาแสงลาถึงแก่กรรม มีผู้ทำหน้าที่ปกครองต่อมาดังนี้
1. นายตัน สีเหลือง ได้รับเลือกเป็นกำนันตามกฎหมายว่าด้วยการปกครองมณฑล (ส่วนท้องถิ่น) เป็นกำนันคนแรกในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งพระองค์ได้ทรงตรากฎหมายให้มีการเลือกตั้งกำนันปกครองตำบลเป็นครั้งแรก
2. นายบุญมา บุญนำ ได้รับเลือกเป็นกำนันเมื่อปี พ.ศ.2470 และเมื่อ พ.ศ. 2484 ตำบลโพนค้อ แบ่งการปกครองออกเป็น 8 หมู่บ้าน ดังนี้
ตำบลโพนค้อ แบ่งการปกครองออกเป็น 8 หมู่บ้าน คือ
หมู่ที่ 1 บ้านโพนค้อ ปกครองโดย นายบุญมา บุญนำ กำนันตำบลโพนค้อ
หมู่ที่ 2 คุ้มมะเกลือ ปกครองโดย นายบาง เขตตะ
หมู่ที่ 3 คุ้มเมือง ปกครองโดย นายพุฒ เทศะบำรุง
หมู่ที่ 4 บ้านสามเมีย ปกครองโดย นายผิว โอชา
หมู่ที่ 5 คุ้มตะวันออก ปกครองโดย นายอ้วน รัศมี
หมู่ที่ 6 บ้านหนอง ปกครองโดย นายสิงห์ โสมา
หมู่ที่ 7 บ้านกลาง ปกครองโดย นายบุญมา สระ
หมู่ที่ 8 บ้านยานาง ปกครองโดย นายศิลา สุขศรี
และในช่วงนี้บ้านเมืองเข้าสู่ยุคการเปลี่ยนแปลงอยู่ระหว่างสงครามอินโดจีน พ.ศ. 2482 - 2484 หมู่บ้านโพนค้อไปรวมเข้ากับตำบลโพนข่า คือ กำนันอยู่บ้านโพนค้อ แต่ตำบลเป็นตำบลโพนข่า แต่เกิดปัญหา เนื่องจากหมู่ที่ 4 บ้านสามเมียไม่ไปเข้าร่วมด้วย เพราะเห็นว่าอยู่ห่างไกล และอยู่ใกล้ชิดติดกับบ้านจาน ตำบลจาน บ้านสามเมียจึงไปขึ้นต่อตำบลจานตั้งแต่นั้นมา และเวลาต่อมาเห็นว่ายากต่อการปกครอง จึงยุบหมู่บ้านเหลือเพียง 2 หมู่บ้าน คือ หมู่ที่ 1 บ้านโพนค้อ มีนายบุญมา บุญนำ เป็นกำนันปกครอง , หมู่ที่ 2 บ้านหนอง มีนายเที่ยง สุวรรณเสาร์ เป็นผู้ใหญ่บ้าน
เมื่อสงครามสงบลง ต่อมาประมาณ พ.ศ. 2491 ได้จัดตั้งหมู่บ้านเพิ่มขึ้นอีก คือ
หมู่ที่ 3 บ้านยานาง นายทองสูรย์ กันหะบุตร ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ที่ 4 บ้านกลาง นายสูรย์ทอง คำหล้า ผู้ใหญ่บ้าน
หมู่ที่ 5 บ้านโนน นายบุญมา จำนันท์ ผู้ใหญ่บ้าน
ในเวลาต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2518 นายบุญมา บุญนำ ลาออกจากกำนันเพราะอายุมาก นายประสิทธิ์ คำหล้า จึงเป็นกำนันตำบลโพนค้อคนต่อมา ปัจจุบันการปกครองเปลี่ยนไป และจะนำมาเสนอในบทความต่อไป